สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยยังไม่ถึงเป้า นายกฯ เรียกประชุมด่วนหาทางออก
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนตัว เปิดเผยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวล่าสุดที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ โดยระบุว่า มีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ
“จากสถานการณ์การท่องเที่ยวล่าสุดที่ตัวเลขยังไม่ตรงเป้า ซึ่งมาจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งจากปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจโลก หรือปัจจัยภายในอย่างข่าวลือในประเทศที่ส่งผลต่อปริมาณนักท่องเที่ยวชาวจีน เหตุการณ์แผ่นดินไหว ทั้งหมดนี้เป็นโจทย์ท้าทายที่รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ไขและหามาตรการรับมือต่อไป” นายกรัฐมนตรีระบุ
ความท้าทายซ้ำซ้อน: เศรษฐกิจโลก ข่าวลือ และภัยธรรมชาติ
การท่องเที่ยวไทยในช่วงต้นปี 2568 เผชิญกับความท้าทายหลายประการพร้อมกัน ทั้งสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากหลายประเทศระมัดระวังการใช้จ่ายและการเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกาที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพสูงและอัตราเงินเฟ้อในประเทศของตน
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นข่าวลือที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของการท่องเที่ยวไทย โดยในช่วงที่ผ่านมามีข่าวลือเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวจีนในประเทศไทย ทำให้เกิดความกังวลและส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวในภาคเหนือของไทยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
มาตรการเร่งด่วนรับมือช่วงโลว์ซีซั่น
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงความท้าทายสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว หรือที่เรียกว่า “โลว์ซีซั่น” (Low Season) ซึ่งโดยปกติจะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยน้อยกว่าช่วงไฮซีซั่น
“อีกประเด็นที่สำคัญคือในช่วงไตรมาสนี้กำลังเข้าสู่ช่วง low season โดยในระยะยาวนั้น รัฐบาลเดินหน้าสร้างการท่องเที่ยวแบบ man made destination แต่ในระยะสั้น รัฐบาลยังต้องหามาตรการอื่นๆ มาเร่งดำเนินการต่อไป” นายกรัฐมนตรีระบุ
ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึง ททท. เร่งดำเนินมาตรการระยะสั้นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่น โดยได้หารือเกี่ยวกับการจัดทำแคมเปญและโปรโมชั่นพิเศษร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์และภาคเอกชน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น
แผนระยะสั้น-ระยะยาว พลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทย
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้เตรียมแผนงานทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อรับมือกับสถานการณ์การท่องเที่ยวในปัจจุบัน โดยในระยะสั้นจะมุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ผ่านการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับความปลอดภัยและมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวในประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังมีแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวพิเศษในช่วงโลว์ซีซั่น การทำโปรโมชั่นร่วมกับสายการบิน โรงแรม และผู้ประกอบการท่องเที่ยว รวมถึงการร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำ เพื่อนำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวราคาพิเศษให้กับนักท่องเที่ยว
สำหรับแผนระยะยาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า รัฐบาลจะเดินหน้าพัฒนาการท่องเที่ยวในรูปแบบ “Man Made Destination” หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและฤดูกาล ซึ่งมักได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศและภัยธรรมชาติ
การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวรูปแบบ Man Made Destination จะช่วยให้ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยไม่ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากช่วงโลว์ซีซั่นในระยะยาว ทั้งนี้ ยังมีการวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
กระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง เน้นคุณภาพควบคู่ปริมาณ
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ได้รับการหารือในการประชุมครั้งนี้ คือ นโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวในเมืองหลักและเมืองรอง เพื่อกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวให้ทั่วถึงมากขึ้น
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลต้องการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย หรือที่เรียกว่า “เมืองรอง” มากขึ้น เพื่อลดความแออัดในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม และกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ต่างๆ
ททท. ได้รับมอบหมายให้เร่งจัดทำแคมเปญประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในเมืองรอง และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับเอกลักษณ์และจุดเด่นของแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งทำงานร่วมกับผู้ประกอบการท้องถิ่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและสะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชน
นอกจากการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวแล้ว รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพนักท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและพำนักระยะยาว เพื่อเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวโดยไม่เพิ่มภาระให้กับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
บูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน สู่ความยั่งยืน
นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น ในการขับเคลื่อนและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย
“การฟื้นฟูและยกระดับการท่องเที่ยวไทยไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นภารกิจร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ททท. หน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ผู้ประกอบการภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ท่องเที่ยว เราต้องร่วมมือกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย และดูแลนักท่องเที่ยวที่มาเยือนให้ได้รับประสบการณ์ที่ประทับใจ เพื่อให้เขากลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง และบอกต่อไปยังเพื่อนและครอบครัว” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรียังสั่งการให้มีการติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด และรายงานความคืบหน้าของการดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันท่วงทีหากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาและพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ในปัจจุบัน