อย่างที่รู้กันว่า หลุยส์ ดิอาซ ปีกซ้ายทีม ปอร์โต้ กำลังจะย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ก่อนพ้นตลาดนักเตะหน้าหนาวเดือนนี้
และเป็นเหมือนเคยที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ หงส์แดง เลือกซื้อนักเตะทีมคู่แข่งที่เขาเห็นแววเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของถิ่น แอนฟิลด์
สำหรับดาวเตะทีมชาติโคลอมเบีย เขาผ่านการฟาดแข้งกับ เร้ด แมชีน ในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มซีซั่นนี้ทั้งสองนัดซึ่งทีมจากโปรตุเกสปราชัยไปแบบยับเยิน
5-1 คือสกอร์ที่ทีมจาก พรีเมียร์ลีก บุกไปยำใหญ่ ปอร์โต้ ถึง สตาดิโอ โด ดราเกา และในเกมที่ แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล ก็เช็คบิลยอดทีมจากลีกฝอยทองไปแบบเบาะๆอีก 2-0
กระนั้นก็ดี ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันคงเห็นอะไรบางอย่างในตัว ดิอาซ จึงพร้อมควักกระเป๋าฉุดเขามาร่วมก๊วนด้วย
และนี่ไม่ใช่นักเตะใหม่รายแรกที่ผู้จัดการทีมชาวเมืองไส้กรอกดึงตัวมาร่วมทีมนับตั้งแต่เขาได้กุมบังเหียน เครื่องจักรสีแดง
– สตีเว่น คอลเกอร์
คอลเกอร์ เป็นการเซ็นสัญญารายที่สองของ คล็อปป์ ในฐานะบิ๊กบอส หงส์แดง โดยเซ็นเตอร์ฮาล์ฟผิวสีถูกยืมตัวมาจาก คิวพีอาร์ เพื่อแก้ปัญหาแผงหลังของ ลิเวอร์พูล ซึ่งพากันล้มเจ็บหลายราย
อย่างไรก็ดี ในครึ่งแรกของซีซั่น 2015/16 คอลเกอร์ ย้ายไปลงบู๊ให้ เซาธ์แฮมป์ตัน แบบยืมตัวมาก่อน
และในเกมฟุตบอลถ้วย ลีกคัพ รอบแปดทีม เผอิญว่า นักบุญ ได้เปิดบ้านดวลกับ เร้ด แมชีน ซึ่งแม้ว่ามันจะไม่ใช่เกมที่ดีของเขา แต่มันก็เป็นเกมสุดท้ายของเขากับ เดอะ เซนต์ส ก่อนที่ คอลเกอร์ จะย้ายมาร่วมทีมของ คล็อปป์ แบบยืมตัวแทนในเดือนม.ค.2016
ในเกมที่ เซนต์ แมรีส์ สเตเดี้ยม ซาดิโอ มาเน่ เข่นให้เจ้าบ้านนำเร็วตั้งแต่นาทีแรก แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะไปแบบขาดลอย 6-1 ก่อนที่พวกเขาจะแพ้ แมนฯ ซิตี้ ในนัดชิงชนะเลิศด้วยการดวลลูกโทษตัดสิน ขณะที่ในเกมดังกล่าวกับ เซาธ์แฮมป์ตัน แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ซัดสองเม็ดให้ หงส์แดง ขณะที่ ดิว็อค โอริกี้ กระทุ้งแฮททริค ส่วนอีกเม็ดเป็นผลงานของ จอร์ดอน ไอบ์
แม้จะสอยตาข่าย เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ครึ่งโหล แต่ คล็อปป์ ยังเลือกคว้า คอลเกอร์ มาอยู่กับทีมในเดือนต่อมา และจากนั้นอีกไม่นานเท่าไหร่ เขาก็เลือกเซ็นสัญญาอย่างถาวรกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ คู่ขาของ คอลเกอร์ ในเกมนั้น
ด้าน คอลเกอร์ ปัจจุบันในวัย 30 ปีถูก เฟเนบาห์เช่ สโมสรของลีกตุรกีปล่อยให้ กาเซียนเทป ทีมร่วมลีกยืมไปใช้งานซึ่งนับเป็นครั้งที่หกในอาชีพแล้วที่เขาย้ายสังกัดแบบยืมตัวไล่ตั้งแต่เมื่อครั้งเล่นให้กับ โยวิล ทาวน์ , บริสตอล ซิตี้ , สวอนซี ซิตี้ , เซาธ์แฮมป์ตัน และ ลิเวอร์พูล
-จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม
สี่วันต่อมาหลังจากได้เห็นฟอร์มของ คอลเกอร์ และ ฟาน ไดค์ คล็อปป์ ก็ประทับใจฝีเท้าของดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์ซึ่งร่ายเพลงแข้งข่มแผงกลางของ ลิเวอร์พูล ชนิดอยู่หมัดในเกมที่ เซนต์ เจมส์พาร์ค
สตีฟ แม็คคลาเรน คุมทีมอีสานสยบผู้มาเยือนได้อย่างงดงาม 2-0 โดย ไวจ์นัลดุม กดลูกปิดท้ายให้เจ้าถิ่นในช่วงทดเวลาหลังจาก มาร์ติน สเคอร์เทล สกัดบอลเข้าประตูตัวเองพา เดอะ แม็กพายส์ ออกนำในนาทีที่ 69
ในช่วงนั้น ไวจ์นัลดุม ซัดประตูให้ นิวคาสเซิ่ล ไปแล้วหกลูก ก่อนปิดซีซั่นด้วยผลงาน 11 ประตูกับ 5 แอสซิสต์
เท่านั้นไม่พอ ในเกมต่อมาช่วงท้ายซีซั่นระหว่างสองทีม ดาวเตะดัตช์ทำแสบกับ ลิเวอร์พูล ซ้ำอีกเมื่อลุกจากม้านั่งข้างสนามไปผ่านบอลให้ แจ็ค โคลแบ็ค เข่นพาทีมเยือนตีเสมอ 2-2 ในนาทีที่ 66 ฉกหนึ่งแต้มออกจาก แอนฟิลด์ ได้
ฉะนั้นแล้ว จึงไม่แปลกเลยที่ คล็อปป์ จะประทับใจฟอร์มของ ไวจ์นัลดุม และจ่ายเงิน 25 ล้านปอนด์ฉุดเขามาเป็นนักเตะรายที่เจ็ดของทีมในช่วงซัมเมอร์ซึ่งลงเอยแล้ว สาลิกาดง มีอันต้องหล่นลงสู่ แชมเปี้ยนชิพ โดยที่กองกลางชาวเมืองกังหันลมครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของทีม
– ซาดิโอ มาเน่
เป็นอีกรายที่ คล็อปป์ ซิวตัวมาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ในเดือนมิ.ย.2016 ด้วยราคา 34 ล้านปอนด์เนื่องจากโชว์ฟอร์มได้เตะตากุนซือชาวเมืองเบียร์เช่นกัน
ตลอดสามเกมที่ฟาดเกือกกับ หงส์แดง ดาวเตะเซเนกัลยิงประตูได้รวมสี่เม็ด พาทีมชนะ เสมอ และแพ้อย่างละนัด แถมได้ใบแดงหนึ่งใบในเกมที่เจ้าตัวยิงประตูให้ นักบุญ บุกไปเสมอ 1-1 ที่ แอนฟิลด์ ก่อนจบเกมสี่นาทีแล้วมาได้สองใบเหลืองติดๆกันในช่วงทดเวลา
อย่างไรก็ดี เกมต่อมาซึ่ง เซาธ์แฮมป์ตัน เปิดบ้านคว่ำ เร้ด แมชีน 3-2 ทำให้ คล็อปป์ หลงใหลในตัว มาเน่ มากที่สุดเนื่องจาก ลิเวอร์พูล บุกไปซัดนำก่อน 2-0 แต่ดาวเตะแอฟริกันลุกจากม้านั่งตัวสำรองลงไปกดคนเดียวสองเม็ดโดยเม็ดที่สองของเขาเป็นประตูชัยของเจ้าถิ่นในนาทีที่ 86 ทำให้ทีมของกุนซือ โรนัลด์ คูมัน เก็บสามแต้มได้อย่างเหลือเชื่อ แถม มาเน่ น่าจะทำแฮททริคได้ด้วยหากว่า ซิมง มินโญเลต์ จะเซฟการสังหารลูกโทษของเขาไม่สำเร็จ
และที่สำคัญในเกมก่อนหน้านี้ที่ นักบุญ บุกไปคว่ำ สโต๊ก 2-1 เมื่อสัปดาห์ก่อน มาเน่ ได้ใบแดงด้วย แต่สุดท้ายต้นสังกัดของเขาอุทธรณ์เป็นผลสำเร็จจึงทำให้เจ้าตัวไม่ติดโทษแบนนัดต้อนรับ ลิเวอร์พูล กระทั่งได้ย้ายสู่ แอนฟิลด์ ในช่วงซัมเมอร์เป็นนักเตะ เดอะ เซนต์ส รายที่ห้าในรอบสองปีที่ถูก ลิเวอร์พูล ฉุดไปเสริมทัพ
– อลิสซง
แม้จะเสียประตูให้ เร้ด แมชีน รวมเจ็ดเม็ดจากสองเกมที่บู๊กัน มันก็ไม่ได้ทำให้ คล็อปป์ คิดหนักเลยต่อการทุ่มเงินเป็นสถิติโลกคว้านายทวารแซมบ้ามาจากทีม โรม่า ในปี 2018
อลิสซง ต้องก้มเก็บบอลที่ก้นตาข่ายถึง 5 ครั้งในเกมที่ แอนฟิลด์ ของศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือกนัดแรกโดยนัดนี้ ลอริส คาริอุส เสียประตูคืนให้ทีม หมาป่า สองลูก
สุดท้ายแล้ว ลิเวอร์พูล เข้ารอบชิงชนะเลิศไปพ่าย เรอัล มาดริด 3-1 หลังบุกไปแพ้ที่กรุงโรม 4-2 ได้ผ่านเข้าไปดวลกับ ราชันชุดขาว ด้วยสกอร์รวม 7-6
หลังตั้งค่าตัว อลิสซง สุดโหดในคราวแรก 90 ล้านปอนด์ ก่อนลดหย่อนลงเหลือ 75 ล้านปอนด์ ในที่สุด โรม่า ก็ส่งมอบมือกาวทีมชาติบราซิลให้กับ เร้ด แมชีน ด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์
– ทาคูมิ มินามิโนะ
ลิเวอร์พูล ประกาศตกลงเซ็นสัญญากับมิดฟิลด์ตัวรุกเลือดซามูไรจากทีม เร้ดบูลล์ ซัลซบวร์ก ด้วยค่าฉีกสัญญา 7.25 ล้านปอนด์เมื่อเดือนธ.ค.2019 ก่อนหน้าที่ตลาดในเดือนม.ค.จะเปิดทำการในอีกสองสัปดาห์ต่อมา
มันเป็นเพราะว่าเมื่อสองเดือนก่อน คล็อปป์ ได้เห็นเพลงเตะของพ่อค้าแข้งแดนปลาดิบนัดที่ เร้ดบูลล์ ซัลซบวร์ก บุกมาพ่ายที่ แอนฟิลด์ แบบหวุดหวิด 4-3 ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มซึ่ง มินามิโนะ ซัดให้ทีมเยือนได้หนึ่งเม็ด
ในเกมที่ว่า เจ้าบ้านนำหน้าไปก่อนถึง 3-0 ก่อนที่ ฮวาง ฮี ชาน ศูนย์หน้าเลือดกิมจิซึ่งปัจจุบันค้าเกือกอยู่กับ วูล์ฟส์ ใน พรีเมียร์ลีก จะซัดตีไข่แตกได้ในครึ่งแรก และมี มินามิโนะ กดเม็ดสองให้ทีมเยือนต้นครึ่งหลัง
กระทั่งนาทีที่ 60 เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ แผลงฤทธิ์ยิงตีเสมอ 3-3 ได้ แต่อีกเก้านาทีต่อมา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงเม็ดสองในเกมของตัวเองพา เร้ด แมชีน คว้าสามแต้มได้สำเร็จ
แม้นัดที่สองของทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล จะบุุกไปคว่ำทีมลูกหนังของลีกออสเตรียได้ด้วยสกอร์ 2-0 แต่สุดท้าย มินามิโนะ ก็ได้เปิดตัวเป็นขุนพล หงส์แดง และกลายเป็นพ่อค้าแข้งรายที่ห้าของ คล็อปป์ ที่เคยร่วมงานกับ ราล์ฟ รังนิก มาก่อน
อ้างอิง
https://www.siamsport.co.th