ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันจันทร์ (17 ต.ค.) หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,185.82 จุด พุ่งขึ้น 550.99 จุด หรือ +1.86%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,677.95 จุด เพิ่มขึ้น 94.88 จุด หรือ +2.65% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,675.80 จุด พุ่งขึ้น 354.41 จุด หรือ +3.43%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากนายเจเรมี ฮันท์ รัฐมนตรีคลังคนใหม่ของอังกฤษออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลอังกฤษได้ตัดสินใจยกเลิกมาตรการปรับลดภาษีเกือบทั้งหมดที่มีการประกาศก่อนหน้านี้ หลังจากมาตรการดังกล่าวได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินในช่วงที่ผ่านมา
ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของแบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ โดยธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการซื้อขายตราสารหนี้ และรายได้จากดอกเบี้ย
ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไรลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 7.1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 81 เซนต์/หุ้น เนื่องจากธนาคารต้องทำการกันสำรองหนี้สูญวงเงิน 898 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ตัวเลขกำไรของธนาคารยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 77 เซนต์/หุ้น
นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้ 2.461 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.357 หมื่นล้านดอลลาร์
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 5.99% และช่วยหนุนหุ้นธนาคารรายอื่น ๆ ดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 3.88% หุ้นซิตี้กรุ๊ป บวก 0.74% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.44%
หุ้นเติบโต (Growth Stock) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ปรับตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 6.45% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 3.92% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ทะยานขึ้น 5.74% หุ้นราล์ฟ ลอเรน พุ่งขึ้น 2.64% หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 2.76%
นอกจากนี้ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ในรัฐนิวยอร์กที่อ่อนแอกว่าคาด ยังเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ เฟดสาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตร่วงลงสู่ระดับ -9.1 ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -5.0 จากระดับ -1.5 ในเดือนก.ย. โดยดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 3
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์, เน็ตฟลิกซ์, เทสลา, ไอบีเอ็ม, ยูไนเต็ด แอร์ไลน์, พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จากคอนเฟอเรนซ์บอร์ด (Conference Board)